มี Sex บ่อยแค่ไหนถึงจะพอดี เพิ่มโอกาสให้ผู้มีบุตรยาก
ปัญหาการมีบุตรยากเป็นหนึ่งในปัญหาที่คู่รักหลายคู่หนักใจ เพราะพยายามรักษาเท่าไรก็ไม่สำเร็จสักที ซึ่งมักมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการเข้าใจเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยากและเข้ามารับคำปรึกษาเพื่อรับการรักษากับแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางจากโรงพยาบาลหรือคลินิกด้านภาวะมีบุตรยากโดยเร็วที่สุด ย่อมช่วยให้คู่สมรสที่มีบุตรยาก มีโอกาสประสบความสำเร็จกับการตั้งครรภ์ได้ในอนาคต ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้มีบุตรยากหรือง่ายก็ขึ้นอยู่กับความถี่ที่เหมาะสมของการมีเพศสัมพันธ์ในคุณพ่อคุณแม่ที่อยากตั้งครรภ์ด้วย
ก่อนอื่นมาดูข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับสถิติความถี่การมีเพศสัมพันธ์ในคุณพ่อคุณแม่ทั่วไปกันก่อน ผลสำรวจจาก GSS หรือ General Social Survey โดยมหาวิทยาลัยชิคาโกเปิดเผยว่า ชายหญิงอายุระหว่าง 18-24 ปีมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยเดือนละ 7-10 ครั้ง จนเมื่ออายุ 25-29 ปีจะลดเหลือเฉลี่ยเดือนละ 8 ครั้ง ต่อมาเมื่ออายุอายุ 30-49 ปีเหลือเดือนละ 6 ครั้ง และเมื่ออายุ 50-59 ปีมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยเดือนละแค่ 4 ครั้ง สรุปได้ว่า โดยเฉลี่ยแล้วมนุษย์มีเพศสัมพันธ์ลดลงประมาณ 20% ต่อช่วงอายุ 10 ปี
นอกจากนี้ งานวิจัยจาก Indiana University พบว่า ความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์จะผันแปรตามช่วงอายุ โดยค่าความถี่เฉลี่ยที่ดีในการมีเพศสัมพันธ์ของคนที่มีอายุระหว่าง 18-29 ปี คือจำนวน 112 ครั้งต่อปี หรือประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนคนที่มีอายุ 30 – 39 ปี จะอยู่ที่ประมาณ 86 ครั้งต่อปี หรือ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
ผลจากนักวิจัยมหาวิทยาลัยโตรอนโตก็ยังเผยว่า ข้อมูลจากคน 28,000 คน พบว่า คู่รักที่มีเพศสัมพันธ์ช่วงอาทิตย์ละครั้งเป็นคู่ที่มีความสุขมากที่สุด นับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับคู่รักหลาย ๆ คู่ และผลสำรวจจากการสุ่มคู่แต่งงาน 2,400 คู่ที่แต่งงานอยู่ด้วยกันมากกว่า 14 ปีขึ้นไป ก็พบว่าสามีภรรยาที่มีเพศสัมพันธ์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งนั้นมีความพึงพอใจกับชีวิตคู่ตัวเองเช่นกัน
แม้การมีเพศสัมพันธ์จะส่งผลดีต่อร่างกายและใจ แต่การที่จะบอกว่าควรมีเพศสัมพันธ์กี่ครั้งถึงจะเรียกว่ามากเพียงพอสำหรับการมีบุตรนั้น ไม่สามารถกำหนดเป็นปริมาณตัวเลขที่ตายตัวได้ ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยและปัญหาที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่น อายุที่เพิ่มมากขึ้น ช่วงเวลาที่ไม่สัมพันธ์กัน หรือความรู้สึกเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดความรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่อยากมีเพศสัมพันธ์บ่อยเกินไป มีการสำรวจคู่รักที่แต่งงานแล้วและมีเพศสัมพันธ์ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์พบว่า เรื่องบนเตียงที่บ่อยมากเกินไปไม่ได้มีความสุขมากกว่าความถี่ในระดับที่มีเพศสัมพันธ์สัปดาห์ละครั้งแต่อย่างใด ดังนั้นอาจพูดได้ว่า หากไม่ได้เกิดจากความต้องการของทั้งคู่ริง ๆ แล้วละก็ การมีเพศสัมพันธ์บ่อยเกินไปก็ส่งผลเสียได้เช่นกัน
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีบุตรยากหรืออยากตั้งครรภ์ มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง สำหรับความถี่ของการทำกิจกรรมบนเตียงหรือการมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรจะมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ไม่จำเป็นจะต้องมีเพศสัมพันธ์ทุกวัน สิ่งที่สำคัญก็คือต้องมีช่วงเวลาที่ถูกต้องและเหมาะสมด้วย นั่นก็คือช่วงที่ไข่ตก การที่นับวันไข่ตกก็คือใช้ได้กับคนที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอ ซึ่งก็คือ 28-30 วัน ส่วนมากช่วงไข่ตกก็จะเป็นช่วงกลางรอบเดือน โดยวิธีตรวจก็คือซื้ออุปกรณ์ตรวจการตกไข่ วิธีนี้ก็อาจจะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์มากยิ่งขึ้นด้วย
แต่ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ก็แล้ว นับวันไข่ตกก็แล้วยังไม่ตั้งครรภ์สักที แนะนำให้มาปรึกษา รับการรักษาจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการมีบุตรยากและเพื่อที่จะได้รับการรักษาที่ถูกวิธีต่อไป ซึ่งในปัจจุบันก็มีวิธีทางการแพทย์จากโรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะต่างที่ช่วยเรื่องการปฏิสนธิโดยไม่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้งมีเพศสัมพันธ์การตามธรรมชาติ วันนี้มี 2 รูปแบบน่าสนใจ ราคาอยู่ในระดับเหมาะสมมาเล่าสู่กันฟัง
วิธีการรักษาผู้มีบุตรยากวิธีแรกคือ การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF – In Vitro Fertilization) จะนำไข่และเชื้ออสุจิมาปฏิสนธินอกร่างกาย โดยจะใช้ตัวอสุจิที่คัดแล้วปล่อยลงไปล้อมรอบไข่ให้ตัวอสุจิแข่งกันเจาะเข้าไปในเปลือกไข่ด้วยตัวเอง วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมือนธรรมชาติ การปฏิสนธิจะเกิดในท่อนำไข่ เมื่อไข่วิ่งเข้ามาในท่อนำไข่จะมาพบกับตัวอสุจิที่ว่ายมาบริเวณนี้เช่นกันเข้าไปล้อมรอบไข่และตัวอสุจิตัวแรกที่เจาะผ่านเปลือกไข่ได้จะทำให้เกิดการปฏิสนธิขึ้น พร้อมที่จะตั้งครรภ์ต่อไป
ส่วนวิธีการรักษาผู้มีบุตรยากอีกวิธีคือ การทำอิ๊กซี่ (ICSI – Intracytoplasmic Sperm Injection) จากปัญหาตัวอสุจิของคุณผู้ชายบางคนมีความผิดปกติจนไม่สามารถเจาะผ่านเปลือกไข่ได้ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาวิธีใช้เข็มเจาะและส่งตัวอสุจิที่ดีที่สุดผ่านเปลือกไข่เข้าไปภายในเนื้อไข่โดยตรงในเวลาต่อมา โดยจะมียาฮอร์โมนช่วยกระตุ้นให้ได้ไข่หลายใบ วิธีนี้มีขั้นตอนคล้ายการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) แต่แตกต่างตรงที่ IVF ไข่และอสุจิหลายตัวจะถูกนำไปผสมในจานเพาะเลี้ยง ซึ่งอสุจิจะว่ายเข้ามาผสมกับเซลล์ไข่ตามธรรมชาติ แต่ ICSI จะคัดเชื้ออสุจิที่แข็งแรงที่สุดตัวเดียว แล้วใช้เข็มฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง
ดังนั้นหากคู่สมรสผู้ประสบภาวะมีบุตรยากสามารถกระตุ้นและเก็บไข่ได้ 10 ใบ แต่เมื่อส่งอสุจิเข้าไปปฏิสนธิด้วยวิธี IVF พบว่าได้ตัวอ่อนเพียง 1 หรือ 2 ใบ หรืออาจไม่ได้เลย การแก้ไขโดยใช้การปฏิสนธิโดยวิธี ICSI มักจะช่วยในการปฏิสนธิให้ได้ตัวอ่อนขึ้นมาเป็น 7 – 9 ตัว แต่อย่างไรก็ตามการเลือกตัวอสุจิที่จะยิงเข้าไปในไข่จะเลือกจากรูปร่างและการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด โดยหัวอสุจิจะมีขนาดเพียง 7 ไมครอน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นโครโมโซมที่อยู่ภายในนั้น และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถเห็นโครโมโซมที่อยู่ภายในไข่ตอนที่จะยิงตัวอสุจิเข้าไปด้วย ดังนั้นการทำ ICSI จึงไม่ใช่การสร้างตัวอ่อนที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้มีการปฏิสนธิและเกิดตัวอ่อนขึ้นมาจำนวนมาก เพื่อให้ได้มีโอกาสคัดเลือกที่ดีที่สุด
อ้างอิง
https://bit.ly/3b8C3EZ
https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/a-history-of-prostitute
https://www.amarinbabyandkids.com/family/family-relationships/passionate-couple/
https://www.sanook.com/men/69305/
https://www.innnews.co.th/lifestyle/news_63644/
https://www.bangkokhospital.com/content/ivf-and-icsi
สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาภาวะมีบุตรยาก
กับศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากจินตบุตร